ผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน เดินตามผู้มีประสบการณ์ “หมาไม่กัด” ประโยคเหล่านี้ยังคงใช้ได้ดีเสมอ สำหรับคำเตือนของเหล่าผู้มีประสบการณ์ (ไม่ได้นับเรื่องอายุนะครับ 555) เอาแบบคนที่มีประสบการณ์ลงทุนล้วนๆ ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านวิกฤติเศรษฐกิจมาแล้ว “หลุมพรางแมลงเม่า” เหล่านั้นมีอะไรบ้าง มาดูกัน
[ รายย่อยที่ทำกำไรได้…มักคิดว่าตนเองเก่ง ]
หลุมพรางนี้ผู้เขียนเองเคยเจอกับตัว แรกๆ ของการเล่นหุ้นนักเล่นบางส่วนมักจะทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ เมื่อทำกำไรได้ก็เลยคิดว่าตัวเองเก่ง เวลาเราได้กำไรเรื่อยๆ เราจะตกอยู่ในความประมาท และเมื่อถึงเวลาที่เราประมาทสุดๆ เจ้ามือหุ้นก็จะเอากำไรเราคืน รวมทั้งเงินต้นคืนไปหมด
เพื่อให้เห็นภาพกัน ผู้เขียนขอเล่าจากประสบการณ์ส่วนตัวเลยแล้วกันครับ เมื่อตอนที่ผมเข้าตลาดใหม่ๆ หุ้นตัวแรกที่ซื้อคือ ธนาคาร Kbank ต้องขออกตัวไว้ก่อนว่าการบอกเล่าหุ้นในอดีตมิได้เป็นการชี้นำการลงทุนนะครับ เหตุการณ์มันผ่านมานานแล้วไม่ได้มีผลอะไรกับปัจจุบัน … โดยในตอนนั้น Kbank มีราคา 60 บาทต่อหุ้น ผมเองก็ซื้อและถือไว้ระยะหนึ่ง นำไปขายที่เกือบ 80 บาทต่อหุ้น แน่นอนว่ามันสร้างผลกำไรให้เป็นอย่างมาก (ปัจจุบัน Kbank มีราคาสูงเกือบ 200 บาทต่อหุ้น!) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายตามือใหม่ และต่อๆ มาก็ได้ซื้อหุ้นอีกหลายตัว และก็ขึ้นแทบทุกตัว
เมื่อความประมาทเข้ามาเยือน ผมเองได้เข้าถือหุ้นที่ทำให้พบกับหายนะเลยก็ว่าได้ หุ้นตัวนั้นคือหุ้นผลิตฟิล์มพลาสติก PTL โดยเข้าซื้อในราคา 30 บาทต่อหุ้น และซื้อแบบทุ่มตัวเดียว เพราะคิดว่าเราแน่แล้ว เราเก่งแล้ว แต่ปรากฏว่า ไม่กี่วันหลังจากที่ซื้อหุ้นตัวนี้ ราคาก็ปรับลดลงมาตลอดทางจนเหลือเพียงสิบกว่าบาท ผมจึงตัดใจขายทิ้งไป สร้างความเสียหายนับแสนบาทในตอนนั้น และบาดเจ็บต้องกลับไปเลียแผลอีกนานโข
คำแนะนำ : สำหรับรายย่อยที่เพิ่งเข้าตลาด พึงระลึกไว้เสมอว่า เรายังมีเรื่องที่ไม่รู้อีกมากมาย อย่าเพิ่งรีบร้อนคิดว่าเราเก่งแล้ว เราแน่แล้ว จงทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้วที่พร้อมจะเรียนรู้ตลอดเวลาจะดีที่สุดครับ
[ หุ้นตกต้องรีบช้อน? ]
หลุมนี้ก็มีคนตกกันหลายคน ผู้เขียนเองก็เคยมีประสบการณ์กับการช้อนหุ้นตกเพราะคิดว่าถูกแล้ว เจอถูกกว่า และถ้าโชคร้ายมันกลายเป็น “ถูกถาวร” คือ ราคามันลงแล้วไม่กลับมาเลยก็มี บอกเล่าจากประสบการณ์ตรงน่าจะเห็นภาพกว่า … ตัวอย่างหุ้นที่ผมเคยช้อนซื้อ แล้วตกลงไปไม่ฟื้นอีกเลย เป็นหุ้นประเภท “พลิกฟื้น” หรือ หุ้น Turn Around หุ้นประเภทนี้เล่นยากที่สุด ตอนนั้นกิจการเดิมเปลี่ยนเป็นกิจการใหม่ เดิมที่หุ้นตัวนี้ขายอุปกรณ์การแพทย์ แต่คิดจะเปลี่ยนกิจการใหม่ด้วยการเข้าไปซื้อกิจการที่เกี่ยวข้องกับความงาม มีสาขาหลายร้อยสาขาทั่วประเทศ
หนึ่งในหลักของการเล่นหุ้นพลิกฟื้น ก็คือ ถ้าหุ้นตัวนั้นเปลี่ยนลักษณะกิจการจะทำให้นักเล่นหุ้นพลิกฟื้นรู้สึกสนใจ ยิ่งมีการซื้อกิจการใหม่ๆ เข้ามาด้วยการกู้เงินมาซื้อ และจะแตกออกเป็นหุ้นลูกไปขายในตลาดหลักทรัพย์จะทำให้สินทรัพย์ที่ซื้อมาถูกปลดล็อกออกมา ดูแล้วน่าสนใจสำหรับคนที่ติดตามมาตลอด ผมเองก็สนใจจึงเข้าซื้อหุ้นตัวนี้ในราคาที่คิดว่าต่ำแล้ว แต่พบว่ามีต่ำกว่า ทันทีที่ผมซื้อราคาก็ล่วงลงไปอีกเกือบ 100% โชคดีที่ผมหนีทัน ประสบการณ์ครั้งนี้บอกผมว่า “หุ้นต่ำแล้วมีต่ำกว่า”
[ ซื้อหุ้นตามเซียน ]
หลุมพรางนี้มันแนบเนียนมากๆ ครับ ที่ว่าแนบเนียนหมายความว่า เวลาเราเห็นเซียนหุ้นประสบความสำเร็จ เราคิดว่าถ้าเราทำตามเซียนเราต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน แต่ทุกอย่างคือความไม่แน่นอนครับ อะไรก็เกิดขึ้นได้ในตลาดหุ้น ผมเองเคยซื้อหุ้นตามเซียน ด้วยการซื้อหุ้นที่ผลิตแผงโซล่าเซลล์ เพื่อใช้ในกิจการพลังงานแสงอาทิตย์ เพราะเห็นว่าเซียนพอร์ตใหญ่ซื้อ และแน่นอนที่สุดว่านักลงทุนหลายคนซื้อตาม
ทันทีที่ผมซื้อหุ้นโซล่าเซลล์ตัวนี้ก็ขึ้นไปกว่า 8 บาทต่อหุ้น ทุกคนคิดว่าดี บางคนซื้อเพิ่มตอนราคา 8 บาทที่เป็นยอดดอย (ดอยหุ้น = ซื้อหุ้นราคาสูง และหุ้นไม่เคยกลับไปราคาสูงนั้นอีกเลย) แต่สุดท้ายผลก็กลับตรงกันข้ามกับที่ทุกคนคิด เมื่อมีโรงงานผลิตแผงโซล่าเซลล์จากประเทศจีนเข้ามาตีตลาด แน่นอนที่สุดว่าหุ้นก็ตกลงเหลือเพียง 3 บาทต่อหุ้นเท่านั้น เซียนพอร์ตใหญ่ก็เจ็บตัวไปด้วย และรายย่อยก็เจ็บตัวอย่างหนัก
บทเรียนทั้งสามที่ผมยกมานั้นเป็นการบอกเล่าจากประสบการณ์ตรง ที่จริงมีหลุมพราง หรือบทเรียนอีกมากมาย การศึกษาความล้มเหลวในอดีตจะช่วยปกป้องเราจากความผิดพลาดได้บ้างไม่มากก็น้อย สิ่งที่คัดมาเล่าให้ฟังล้วนแต่เป็นข้อผิดพลาดที่คนส่วนใหญ่ต้องบาดเจ็บ มันเป็นบทเรียนอันล้ำค่าที่ผู้เขียนเองไม่อยากให้มือใหม่ต้องพบเจอ ก่อนเล่นหุ้น ควรศึกษาให้รอบด้าน และไม่ควรประมาทอย่างเด็ดขาดครับ
___
เรื่อง : นายแว่นลงทุน